จากนั้นเรื่อยมา แม้จะมีน้ำอัดลมอีกอย่างน้อย 1-2 แบรนด์ ส่งสินค้าทำตลาดในเมืองไทย แต่ต้องยอมรับว่า คู่แข่งขันจริงๆ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นกอบเป็นกำแล้ว มีเพียงเป๊ปซี่ โค้กและเอสเท่านั้น โดยอะไรทำให้เอส ซึ่งนับว่า เป็นน้องใหม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจพอตัว วันนี้ “ไทยรัฐออนไลน์” จะพาไปไขคำตอบจาก “นายวิเวก ชาห์บรา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)
ย้อน 3 ปี แจ้งเกิด “เอส”
บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เริ่มดำเนินธุรกิจน้ำอัดลมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 โดย สามารถวางรากฐานอุตสาหกรรมน้ำอัดลมในไทยมายาวนานกว่า 60 ปี นอกจากนี้ยังได้ขยายธุรกิจสู่การผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มไม่อัดลมชั้นนำอีกมากมาย อาทิ น้ำดื่มคริสตัล เครื่องดื่มเกลือแร่ ชาพร้อมดื่มโออิชิ และสามารถก้าวเป็นบริษัทเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ครบวงจรรายแรกของประเทศ จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2555 หรือประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติกส์ จำกัด เข้ามาถือหุ้นใหญ่และผนึกรวมเป็น 1 ใน 5 บริษัทในกลุ่มไทยเบฟฯ บริษัท เสริมสุขฯ จึงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์เอส
“วิเวก ชาห์บรา” ผู้บริหารเสริมสุข
แทรกกลางโค้ก-เป๊ปซี่ แชร์ตลาด 10%
ตลาดทั่วโลก แบรนด์เอสจะมี 2 คู่แข่งสำคัญ คือ โค้กและเป๊ปซี่ ซึ่งเบอร์ 1 ของตลาดทั่วโลกถ้าไม่ใช่โค้กก็ต้องเป๊ปซี่เท่านั้น โดยมีเพียงในตลาดประเทศไทยที่ยังมีความสูสี เพราะฉะนั้น การเข้ามาของเอสจึงเป็นการเข้ามาในตลาดที่ค่อนข้างท้าทายมาก แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่ทำมาตลอด 3 ปี ต้องยอมรับว่าเอสสามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดได้ ประมาณ 10% ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเอสค่อนข้างมียอดขายดีมาก ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา โรงงานผลิต 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ร้อน+แคมเปญกระตุ้นการบริโภค
ไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากประเทศไทยประสบภาวะอากาศร้อนมาก ผู้บริโภคจึงมีความต้องการดื่มมากขึ้น นอกจากนี้ เอสยังมีแคมเปญใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ เอสรสเกรปเบอร์รี่ ซึ่งเป็นน้ำสีที่ทำขึ้นมาใหม่ และขายดีมากในตลาด ต่อมา คือแคมเปญเป็นโปรโมชั่นแจกรถเบนซ์เมื่อปีที่แล้วและยังส่งผลมาถึงปัจจุบัน เพราะผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ประเด็นต่อมา คือ แคมเปญที่เกิดขึ้นช่วงซัมเมอร์นี้ คือ เอสชวนลุ้นกอดคอณเดชน์ คูกิมิยะ เชียร์บอลนัดชิงแชมป์ที่ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีการทำโปรโมชั่นให้กับทางร้านค้า มีการกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อน้ำบรรจุในขวดแก้วแทนขวดพลาสติก เพราะช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย
น้ำอัดลม “เอส” คู่ต่อกรเป๊ปซี่-โค้กในไทย
พอใจผลงาน เน้นโฟกัสตลาดน้ำสี
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ เอสพอใจกับความก้าวหน้า แต่ก็ยังมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างความคึกคักให้กับตลาดตลอดเวลา ซึ่งเอส จะโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์น้ำสีเป็นหลักที่จะสร้างความแตกต่างได้
5 ปัจจัยมุ่งสู่ความสำเร็จของธุรกิจ
ถ้าพูดถึงกุญแจสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจประสบผลสำเร็จมาจาก 5 ปัจจัยหลักๆ คือ 1. จำนวน 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคกว่า 90% ซึ่งรวมถึง 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ เอส น้ำดื่มคริสตัล ชาพร้อมดื่มโออิชิและ 100 พลัส 2. โรงงานผลิต 7 โรงงานและคลังสินค้าอีก 51 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เอสจัดส่งสินค้าเร็วขึ้น ประหยัดขึ้น และสดใหม่ขึ้น 3. ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มไทยเบฟฯ ช่วยให้เสริมสุขมีผลิตภัณฑ์หลากหลายมากยิ่งขึ้น 4. เครือข่ายในเรื่องการจำหน่ายที่สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ด้วยรถลำเลียงสินค้า 100 คัน และหน่วยรถขายมากกว่า 1,000 คัน และ 5. คณะผู้บริหารที่มีความเป็นมืออาชีพ มีประสิทธิภาพสูง
เผย 3 กลยุทธ์ เดินหน้าลุยเต็มตัว
กลยุทธ์ที่ 1 ขยายตลาด ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดเออีซี พร้อมทั้งการลงทุนขยายสายการผลิตทุกๆ ปี โดยมีแผนเพิ่มสายการผลิต ที่ จ.ขอนแก่น ใน พ.ค.-มิ.ย. นี้ และที่ จ.สุราษฎร์ธานีในปี พ.ศ. 2560 กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาทีมขายและกระบวนการทำงาน เน้นการขยายโปรแกรมพรีเซลในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ตลอดจนการอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทีมขาย บริหารสต๊อกสินค้า นอกจากนี้ ยังมีการอำนวยความสะดวกลูกค้าด้วยการใช้ระบบอีแบงกิ้งในการชำระเงิน ซึ่งกำลังศึกษาพัฒนาระบบ และกลยุทธ์ที่ 3 บริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการประหยัดใช้วัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งสินค้า และการบริหารคลังสินค้าให้มีกำไร
นอกจาก “เอส” เสริมสุขยังมีสินค้าเครื่องดื่มอื่นๆ เพียบ
ชี้ภาษีน้ำอัดลมแก้ปัญหาทางเดียว
ในส่วนของภาษีเรื่องนี้นั้น ณ ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอ ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไรคงต้องใช้เวลาติดตามกันอีกพอสมควร เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่กับว่ามติสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ เสริมสุข ได้ทำงานร่วมกับสมาคมส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เพื่อหาแนวทางเสนอแนะต่อไป ซึ่งตนขอให้ความเห็นว่า เรื่องภาษีเป็นเพียงการแก้ปัญหาทางเดียว แต่อีกทางที่มีความยิ่งใหญ่กว่า คือ เรื่องของการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการบริโภคที่เหมาะสมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งน้ำตาลเป็นเพียงปัจจัยเดียว เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เกี่ยวข้องด้วย และในฐานะที่เป็นบริษัท เราก็มีบทบาทหน้าที่ในการให้ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตามความต้องการที่ต่างกันของผู้บริโภค
จ่อขยายพอร์ต-เน้นสินค้าสุขภาพ
เอสจะยังคงสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ ประกอบกับมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น นม นมถั่วเหลืองและน้ำผลไม้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น เสริมสุขมียอดขายเพิ่มขึ้น 15% โดยเอสยังคงครองส่วนแบ่งที่ 10% น้ำดื่มคริสตัลมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น 17.3% และโออิชิมีส่วนแบ่งการตลาด 43% โดยเสริมสุขมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 226%
ความสำเร็จของ “เอส” และ “เสริมสุข” ในวันนี้
ที่มา>>>Thairath